Welcome to Bank of Ayudhya Public Company Limited

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กรุงศรีกรุ๊ปรายงานผลกำไรสุทธิ 3.72 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 25%
    (19 กรกฎาคม 2555)


      – กรุงศรีกรุ๊ป (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) วันนี้ได้รายงานผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับไตรมาส 2/2555 โดยมีกำไรสุทธิ 3.72 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสแรกของปี 2555 หรือ 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา

     สินเชื่อที่มีคุณภาพขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 6.3% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้คิดเป็นมูลค่า 43.5 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 โดยสินเชื่อรายย่อยได้เพิ่มขึ้น 12% จากความต้องการสินเชื่อ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล รวมถึงการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต

     สินเชื่อด้อยคุณภาพได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 2.9% ของสินเชื่อทั้งหมดอันเป็นผลจากการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและควบคุมความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการแก้ปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างได้ผล

      มร. มาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงศรีกรุ๊ป กล่าวว่า “ธนาคารได้บรรลุก้าวย่างทางธุรกิจที่สำคัญในไตรมาสสอง ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางและความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ ตลอดจนการลงทุนในด้านต่างๆ ของธนาคารในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาซึ่งได้ส่งผลเชิงรูปธรรมที่ชัดเจน ทั้งนี้ยอดสินทรัพย์รวมของธนาคารและบริษัทในเครือได้เติบโตขึ้นเป็นกว่า 1 ล้านล้านบาทเป็นครั้งแรก โดยสินเชื่อที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นถึง 6.3% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ขณะเดียวกันคุณภาพของพอร์ทสินเชื่อได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 18.1% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารลดลงมาอยู่ที่ 2.9%”
     มร. อาร์โนลด์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ธนาคารยังคงมีมุมมองต่อการเติบโตของธุรกิจเป็นเชิงบวกสำหรับครึ่ง หลังของปีนี้ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินเชื่ออย่างต่อเนื่องทั้งในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ ทั้งนี้ ธนาคารเชื่อมั่นว่าการเติบโตของสินเชื่อจะอยู่ที่ 11% ตามเป้าที่ตั้งไว้ แม้ว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจอาจต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน”
      ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศไทยมีสินเชื่อรวม 757 พันล้านบาทและสินทรัพย์รวม 1,035 พันล้านบาท ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 16.0% โดยเป็นเงินกองทุน
ขั้นที่ 1 (Tier 1) 11.5%

สรุปสาระสำคัญของผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) สำหรับไตรมาส 2/2555
• การเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ: เพิ่มขึ้น 6.3% คิดเป็นมูลค่า 43.5 พันล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 หรือเพิ่มขึ้น 15.5% คิดเป็นมูลค่า 98.4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา

• สินเชื่อด้อยคุณภาพ: ลดลง 18.1% มาอยู่ที่ 24.2 พันล้านบาท จาก 29.5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.9% ของสินเชื่อรวมซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ปี 2536

• กำไรสุทธิ: 3.72 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากไตรมาส 1/2555 หรือ 24.6% จากไตรมาส 2/2554

• ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.39% ในช่วงไตรมาส 2/2555

• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 49.35% จาก 49.41% ณ สิ้นไตรมาส 1/2555

• สัดส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 129% จาก 106% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554

• รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ: เพิ่มขึ้น 13.5% จากไตรมาส 1/2555 หรือ 15.6% จากไตรมาส 2/2554

• การเติบโตของเงินฝาก: เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 61.9 พันล้านบาท หรือ 11% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554

• อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 16.0%

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555



แบงก์กรุงศรีลุยปั๊มสินเชื่อหมุนเวียน เจาะกลุ่มซับพลายเออร์-ดีลเลอร์ของบริษัทบิ๊ก

หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- ศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2555


       นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)หรือBAYเปิดเผยถึงแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)ของธนาคารว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ระดับ16%?ซึ่งจะทำให้พอร์ตสินเชื่อ SME ของธนาคารในสิ้นปี2555 ขยับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาทจากสิ้นปี 2554 อยู่ที่ประมาณ 1.55 แสนล้านบาท
      โดยในปีนี้ธนาคารพยายามจะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อหมุนเวียนเป็นหลัก เนื่องจากสินเชื่อดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ในระดับสูงทั้งนี้ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อ SMEของธนาคารจะแบ่งเป็นสินเชื่อระยะยาวประมาณ 70% ขณะที่สินเชื่อหมุนเวียนจะมีเพียง 30% เท่านั้น
สำหรับในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อัตราการขยายตัวของสินเชื่อ SME สามารถขยายตัวได้ดีกว่าที่ธนาคารคาดการณ์ไว้ ซึ่งมาจากปัจจัยหลักทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศที่ขยายตัวได้ในระดับดี รวมถึงการลงทุนจากโครงการของภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศที่ฟื้นตัวหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปี2554 ที่ผ่านมา
       นายสยามกล่าวว่าล่าสุด ธนาคารได้ทำการเปิดตัวสินเชื่อเพื่อการค้าขาย หรือ “กรุงศรี แวลูเชน โซลูชั่นส์” เพื่อให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นซับพลายเออร์ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น โดยธนาคารได้ตั้งวงเงินไว้สำหรับการปล่อยสินเชื่อโครงการนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีลูกค้าขอใช้สินเชื่อจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสุทธิประมาณ 5,000 ล้านบาทภายในปีนี้
       ขณะเดียวกันธนาคารจะมีการเซ็นสัญญา MOU กับผู้ประกอบการรายใหญ่ 2 รายได้แก่ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)และบริษัทแอลจี อิเลคทรอนิกส์(ประเทศไทย)หลังจากนี้ธนาคารมีแผนจะเซ็นสัญญากับบริษัทขนาดใหญ่อีก 4-5 แห่งภายในปีนี้ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา
“ในแง่ความเสี่ยงของการปล่อยกู้จากการอนุมัติสินเชื่อ “กรุงศรี แวลูเชน โซลูชั่นส์” เราเชื่อว่าจะสามารถควบคุมเงินเข้าออกได้เพราะ เรารู้ว่าเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง เพราะเรามีประวัติการซื้อขายของลูกค้ากลุ่มนี้จากลูกค้ารายใหญ่ซึ่งต่างจากวงเงินกู้ทั่วๆไปที่ไม่รู้ว่าได้เงินไปแล้วไปทำอะไร รวมถึงการอนุมัติสินเชื่อระยะสั้นให้กับกลุ่มซับพลายเออร์และดีลเลอร์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งจะมีเครือข่ายของกลุ่มดังกล่าวประมาณ 400-500 ราย โดยเราจะพิจารณาจากข้อมูลธุรกิจจากประวัติการค้ากับรายใหญ่ ทำให้เรารู้ทันทีว่าลูกค้ารายไหนที่ผ่านเกณฑ์ขอสินเชื่อได้” นายสยาม กล่าว
      สำหรับวิธีการให้สินเชื่อจะเริ่มต้นจากการที่ธนาคารนำเสนอโครงการดังกล่าวต่อผู้ค้ารายใหญ่ (Sponser) เมื่อผู้ค้ารายใหญ่ตกลงเข้าร่วมโครงการแล้ว ธนาคารก็จะคัดเลือกคุณสมบัติของผู้ซื้อและผู้ขายของผู้ค้ารายใหญ่ ที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ จากนั้นก็จะนำเสนอโครงการต่อผู้ซื้อและผู้ขาย โดยธนาคารจะเชิญเข้าร่วมโครงการ เมื่อผ่านการอนุมัติซึ่งใช้เวลาเพียง 1-2 วัน ก็สามารถอนุมัติสินเชื่อกับผู้ซื้อและผู้ขายที่ตกลงร่วมโครงการได้ทันที

credit : http://www.ryt9.com/s/nnd/1439731

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กรุงศรี SME ร่วมงานสัมมนา BuzzCity Mobile

 29 มิถุนายน 2555



         เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา คุณกิตติมา ทองเกตุ Senior Vice President, Marketing Development SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในฐานะตัวแทนธนาคาร ได้รับเชิญเป็นวิทยากรในงานสัมมนาร่วมกับผู้บริหารจาก Siamsquared Technologies และ Nation Broadcasting Corporation Public Co., Ltd. ในหัวข้อ “BuzzCity Mobile Marketing Seminar 2012 — Making your M.A.R.K. (Mix, Acquisition, Reach, Knowledge)” ณ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท ห้อง Watergate Ballroom C เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการทำการตลาดผ่านโทรศัพท์มือถือโฆษณาที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการสื่อสารแบบสองทางระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคการ โดยภายในงานทางธนาคารได้ร่วมออกบูธเพื่อให้บริการให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อ SME โดยมีผู้เข้าร่วมงานเป็นผู้ประกอบการ SME ตลอดจนนักการตลาดจากหลากหลายวงการ


credit : http://www.krungsri.com/th/news-detail.aspx?cids=1&cid&did=2345

กรุงศรีกรุ๊ปรายงานผลกำไรสุทธิ 3.44 พันล้านบาท

20 เมษายน 2555

   
       กรุงศรีกรุ๊ป (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัท ในเครือ) ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2555 โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 3.44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 600% จากไตรมาสสี่ของปี 2554 หรือ 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
     สินเชื่อที่มีคุณภาพยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 3.5% โดยสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคม 2554 มีมูลค่า 23.9 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสินเชื่อด้อยคุณภาพได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 4.9% จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 และ มีสัดส่วนต่ำกว่า 3.6% ของสินเชื่อทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและการแก้ปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
     ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 4.24% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของกรุงศรีกรุ๊ปในการรักษาอัตราผลตอบแทนของสินเชื่อในระดับที่น่าพอใจทั้งที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ลดลงใน เดือนมกราคมอีกทั้งภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินฝาก
    มร. มาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงศรีกรุ๊ป กล่าวว่า ภายใต้กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ กรุงศรี เรื่องเงิน เรื่องง่ายซึ่งมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายและสะดวก ผลประกอบการของกรุงศรีกรุ๊ปในไตรมาสแรกของปี 2555 ได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนผลกำไรได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าพอใจ รวมถึงผลประกอบการอื่นๆ ที่สำคัญ โดยสินเชื่อที่มีคุณภาพเติบโต 3.5% ในไตรมาสแรก หรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
     “ที่สำคัญสินเชื่อรายย่อยของธนาคารและบริษัทในเครือได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 7% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นผลมาจากความสำเร็จในการรวมกิจการของธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ผนวกกับการเติบโตอย่างรวดเร็วจากธุรกิจที่มีอยู่ (organic growth) อันเป็นผลมาจากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปีที่แล้ว โดยปัจจุบันธุรกิจรายย่อยมีสัดส่วนคิดเป็น 47% ของพอร์ตสินเชื่อของกรุงศรีกรุ๊ป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการสร้างความสมดุลระหว่างพอร์ตสินเชื่อประเภทต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมมร. อาร์โนลด์ กล่าว
     “เรามองว่าปี 2555 นี้จะเป็นปีที่ดีของกรุงศรีกรุ๊ปจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งโดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อและรายได้หลัก ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ความต้องการสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างและฟื้นฟู และความต้องการรถยนต์และสินค้าคงทนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งความต้องการเหล่านี้เริ่มเห็นได้อย่างชัดตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้มร. อาร์โนลด์ กล่าว
     “ภารกิจหลักของเราในปีนี้ยังคงเป็น การมุ่งสู่การเป็นธนาคารที่ลูกค้าเลือกใช้บริการเป็นอันดับแรกโดยการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าด้วยความสะดวกและเรียบง่ายมร. อาร์โนลด์ กล่าว ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศไทยมีเงินให้สินเชื่อรวม 742 พันล้านบาทและสินทรัพย์รวม 976 พันล้านบาท ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 16.04% โดยเป็นเงินกองทุน ชั้นที่ 1 (Tier 1) 11.62%
สรุปสาระสำคัญของผลประกอบการตามงบการเงินรวมของกรุงศรีกรุ๊ปสำหรับไตรมาสแรกปี 2555
การเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ: เพิ่มขึ้น 3.5% หรือ 23.9 พันล้านบาทจาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554
กำไรจากการดำเนินงาน:
7.17 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2554 หรือเพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2554
กำไรสุทธิ:
3.44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 600% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2554 หรือ 22% เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1/2554
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM):
รักษาระดับความแข็งแกร่งอยู่ที่ 4.24%
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ปรับตัวดีขึ้นเป็น
49.4% จาก 50.9% ในไตรมาส 1/2554
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs): ลดลง
4.9% มาอยู่ที่ 28.1 พันล้านบาท จาก 29.5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 และปัจจุบันมีสัดส่วนต่ำกว่า 3.6% ของสินเชื่อทั้งหมด
อัตราส่วนสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ
114
รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ: เพิ่มขึ้น
6.4% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 หรือเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2554
การเติบโตของเงินทุน: เพิ่มขึ้น
14.8 พันล้านบาท หรือ 2.0% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2554
อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 16.4% จาก 16.3% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ท่ามกลางการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของสินเชื่อ


Credit : http://www.krungsri.com/th/news-detail.aspx?cids=3&cid=0&did=2187